บริษัทหาแรงงานต่างด้าว,บริษัทจัดหาแรงงานต่างด้าว.บริษัทนำเข้าแรงงานต่างด้าวMOU,รับแปรสภาพแรงงานลาวถือพาสปอร์ตท่องเที่ยวให้เป็นพาสปอร์ตทำงานให้ถูกกฎหมายไทย,,Id line:dawis0899235544,โทร:084-639-6241,092-256-3624 ,E-mail: guruwinthai@gmail.com
นายจ้าง ร้องกระทรวงแรงงาน ทบทวนงานห้ามคนต่างด้าวทำ
นายจ้าง ร้องกระทรวงแรงงาน ทบทวนงานห้ามคนต่างด้าวทำ
นายจ้าง ร้องกระทรวงแรงงาน ขอผ่อนผันข้อกำหนดงานห้ามคนต่างด้าวทำ เนื่องจากแรงงานไม่เพียงพอ ขณะที่ 1 ก.ค. เริ่มตรวจจับนายจ้าง-ต่างด้าว ทำผิดกฎหมาย
กลุ่มนายจ้าง ซึ่งเป็นผู้ประกอบการร้านค้า เข้ายื่นหนังสือถึง พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะกรรมการนโยบายการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว เพื่อขอให้ทบทวน เกี่ยวกับข้อกำหนดในงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำ โดยมีนายสมบัติ นิเวศรัตน์ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน เป็นผู้รับเรื่อง
ขณะที่นายก่อพงศ์ ธารสุวรรณ ตัวแทนนายจ้างที่ต้องใช้แรงงานต่างด้าว เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการมีความจำเป็นที่จะต้องใช้แรงงานในตำแหน่งพนักงานขายของหน้าร้าน แต่ประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากไม่มีแรงงานไทย รองรับ
โดยมีสาเหตุมาจากคนไทย มีศักยภาพ, มีความรู้-ความสามารถเพิ่มขึ้น และมีทางเลือกมากขึ้น ส่วนใหญ่ จึงเลือกทำงานที่สะดวกสบาย และมีสวัสดิการที่ดีกว่า ทำให้ผู้ประกอบการต้องหันมาพึ่งพาแรงงานต่างด้าว ดังนั้น จึงขอให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ผ่อนผันข้อกำหนดที่ห้ามคนต่างด้าวประกอบอาชีพขายของหน้าร้าน
ส่วนบรรยากาศที่ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ หรือ OSS วานนี้ ยังคงมีแรงงานต่างด้าว เดินทางมาทำทะเบียนประวัติ ตรวจลงตราวีซ่า และขออนุญาตทำงานกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขั้นตอนต่างๆ ต้องแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ และจะไม่มีการขยายระยะเวลาออกไป
ที่สำคัญ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป เจ้าหน้าที่จะระดมกวาดล้างผู้กระทำผิดกฎหมายครั้งใหญ่ หากพบแรงงานต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือทำงานนอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนด จะมีโทษปรับ 5,000 – 50,000 บาท และเมื่อชำระค่าปรับแล้ว จะถูกส่งออกนอกราชอาณาจักร และห้ามขออนุญาตทำงานภายใน 2 ปี
ส่วนนายจ้างที่จ้างแรงงานต่างด้าวโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือทำงานนอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนด จะมีโทษปรับ 10,000-100,000 บาทต่อแรงงานต่างด้าวที่จ้าง 1 คน และหากกระทำผิดซ้ำ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และห้ามจ้างแรงงานต่างด้าวทำงานเป็นเวลา 3 ปี
ข้อมูลดีดีจาก : https://news.mthai.com/general-news/651636.htmlจัด 113 ทีม ปูพรมทั่วประเทศ! จับแรงงานต่างด้าวผิด ก.ม.
กระทรวงแรงงานเข้ม! ร่วมตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดชุดปฏิบัติการ 113 ทีม ปูพรมตรวจเข้มทั่วประเทศ จับแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังสิ้นสุดการจัดทำทะเบียนประวัติ ขออนุญาตทำงาน และพิสูจน์สัญชาติของแรงงานต่างด้าว (เมียนมา ลาว และกัมพูชา) เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2561 และตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2561 เป็นต้นไป กระทรวงแรงงานได้บูรณาการตรวจร่วมกับตำรวจในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบ ปราบปราม และจับกุมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยจัดชุดปฏิบัติการ 113 ทีม ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่กรมการจัดหางาน ตำรวจ และฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ที่ร่วมกันออกตรวจสอบ ปราบปราม จับกุม และดำเนินคดี นายจ้าง/สถานประกอบการ และแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย
นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยผลการบูรณาการปราบปรามแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายของชุดปฏิบัติการ 113 ทีม พบว่าตั้งแต่วันที่ 1-3 ก.ค. 2561 เพียง 3 วัน สามารถตรวจสอบนายจ้าง/สถานประกอบการได้ 298 ราย พบกระทำความผิด 26 ราย แบ่งเป็น ดำเนินคดีในข้อหารับคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติมจำนวน 22 ราย และดำเนินคดีในความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 จำนวน 4 ราย ขณะเดียวกันได้ตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าว จำนวน 2,879 คน พบกระทำความผิดจำนวน 118 คน เป็นเมียนมา 94 คน ลาว 7 คน กัมพูชา 8 คน เวียดนาม 7 คน และอื่น ๆ อีก 2 คน
นายวินัย ทองอุบล จัดหางานจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า หลังหมดเขตผ่อนผันการขึ้นทะเบียน สำนักงานจัดหางานได้สนธิกำลังร่วมกับฝ่ายปกครองและตำรวจออกตรวจสอบ จับกุม ในพื้นที่ อ.เมืองเชียงราย แล้วหลายครั้ง โดยจะยังคงมาตรการการตรวจสอบ จับกุม อย่างเข้มข้นต่อไป ทั้งนี้ เป้าหมายต่อไปของปฏิบัติการตรวจสอบ-จับกุมจะเป็นพื้นที่ชายแดน อ.แม่สาย , เชียงแสน และ อ.เชียงของ ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงต้องเพิ่มความเข้มข้นในการมาตรการตรวจสอบ จับกุม มากขึ้น
ด้าน นายพิทูร ดำสาคร จัดหางานจังหวัดระนอง กล่าวว่า หลังหมดเขตการผ่อนผัน ถ้ามีการตรวจพบว่าเป็นแรงงานต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตก็จะมีการจับกุมและผลักดันออกนอกประเทศทันที ส่วนมาตรการปราบปรามตามที่กระทรวงแรงงานกำหนดในช่วงแรก ตั้งแต่วันที่ 1-15 ก.ค. 2561 ชุดปฏิบัติการทั้งสิ้น 113 ทีมทั่วประเทศ ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จัดหางานจังหวัด ตำรวจ และฝ่ายความมั่นคงจังหวัด จะออกตรวจจับทั่วประเทศ เน้นกลุ่มที่ไม่มีใบอนุญาตก่อน พร้อมประสานทูต 3 ประเทศ เปิดศูนย์รับแรงงานผิดกฎหมายกลับประเทศตามแนวชายแดน อาทิ จ.ระนอง และตาก เป็นต้น โดยช่วงแรกจะเน้นตรวจเฉพาะใบอนุญาตและหลักฐานการทำงานในประเทศเท่านั้น ยังไม่มีการตรวจไปถึงประเภทงานที่ทำ
ข้อมูลดีดีจาก
:ttp://www.thansettakij.com/index.php/content/296303
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังสิ้นสุดการจัดทำทะเบียนประวัติ ขออนุญาตทำงาน และพิสูจน์สัญชาติของแรงงานต่างด้าว (เมียนมา ลาว และกัมพูชา) เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2561 และตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2561 เป็นต้นไป กระทรวงแรงงานได้บูรณาการตรวจร่วมกับตำรวจในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบ ปราบปราม และจับกุมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยจัดชุดปฏิบัติการ 113 ทีม ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่กรมการจัดหางาน ตำรวจ และฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ที่ร่วมกันออกตรวจสอบ ปราบปราม จับกุม และดำเนินคดี นายจ้าง/สถานประกอบการ และแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย
นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยผลการบูรณาการปราบปรามแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายของชุดปฏิบัติการ 113 ทีม พบว่าตั้งแต่วันที่ 1-3 ก.ค. 2561 เพียง 3 วัน สามารถตรวจสอบนายจ้าง/สถานประกอบการได้ 298 ราย พบกระทำความผิด 26 ราย แบ่งเป็น ดำเนินคดีในข้อหารับคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติมจำนวน 22 ราย และดำเนินคดีในความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 จำนวน 4 ราย ขณะเดียวกันได้ตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าว จำนวน 2,879 คน พบกระทำความผิดจำนวน 118 คน เป็นเมียนมา 94 คน ลาว 7 คน กัมพูชา 8 คน เวียดนาม 7 คน และอื่น ๆ อีก 2 คน
นายวินัย ทองอุบล จัดหางานจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า หลังหมดเขตผ่อนผันการขึ้นทะเบียน สำนักงานจัดหางานได้สนธิกำลังร่วมกับฝ่ายปกครองและตำรวจออกตรวจสอบ จับกุม ในพื้นที่ อ.เมืองเชียงราย แล้วหลายครั้ง โดยจะยังคงมาตรการการตรวจสอบ จับกุม อย่างเข้มข้นต่อไป ทั้งนี้ เป้าหมายต่อไปของปฏิบัติการตรวจสอบ-จับกุมจะเป็นพื้นที่ชายแดน อ.แม่สาย , เชียงแสน และ อ.เชียงของ ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงต้องเพิ่มความเข้มข้นในการมาตรการตรวจสอบ จับกุม มากขึ้น
ด้าน นายพิทูร ดำสาคร จัดหางานจังหวัดระนอง กล่าวว่า หลังหมดเขตการผ่อนผัน ถ้ามีการตรวจพบว่าเป็นแรงงานต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตก็จะมีการจับกุมและผลักดันออกนอกประเทศทันที ส่วนมาตรการปราบปรามตามที่กระทรวงแรงงานกำหนดในช่วงแรก ตั้งแต่วันที่ 1-15 ก.ค. 2561 ชุดปฏิบัติการทั้งสิ้น 113 ทีมทั่วประเทศ ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จัดหางานจังหวัด ตำรวจ และฝ่ายความมั่นคงจังหวัด จะออกตรวจจับทั่วประเทศ เน้นกลุ่มที่ไม่มีใบอนุญาตก่อน พร้อมประสานทูต 3 ประเทศ เปิดศูนย์รับแรงงานผิดกฎหมายกลับประเทศตามแนวชายแดน อาทิ จ.ระนอง และตาก เป็นต้น โดยช่วงแรกจะเน้นตรวจเฉพาะใบอนุญาตและหลักฐานการทำงานในประเทศเท่านั้น ยังไม่มีการตรวจไปถึงประเภทงานที่ทำ
ข้อมูลดีดีจาก
:ttp://www.thansettakij.com/index.php/content/296303
ไล่ออก 300 คน! แรงงานพม่าเคว้งคว้าง ต้องหอบสัมภาระ อาศัยนอนวัด
ไล่ออก 300 คน! แรงงานพม่าเคว้งคว้าง ต้องหอบสัมภาระ อาศัยนอนวัด
วันที่ 18 มิ.ย. จากกรณีที่กลุ่มแรงงานพม่าได้หยุดงานเพื่อเรียกร้อง หลังจากที่เห็นว่าพวกตนที่เป็นแรงงานชาวพม่าจำนวน 271 คน ถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้างโรงงาน ไม่ได้รับความเป็นธรรมเกี่ยวกับค่าแรงงานและสวัสดิการ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ที่ผ่านมา จึงได้เดินทางไปหารือหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน ที่ศูนย์ราชการจังหวัดปราจีนบุรี อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี
โดยกลุ่มตัวแทนได้แจ้งให้กับสำนักงานสวัสดิการคุ้มครองแรงงานจังหวัดปราจีนบุรี แจ้งว่า บริษัทแห่งหนึ่งใน ต.ลาดตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นโรงงานผลิตแห อวน เครื่องมือประมงของคนไทย ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ในเรื่องเกี่ยงกับสิทธิ วันหยุดพักผ่อนประจำปี ค่าทำงานล่วงเวลา และค่าจ้างแรงงานในวันหยุด
เช่น พนักงานที่เข้ามาทำงานในโรงงานแห่งนี้ ได้ค่าจ้างรายวันตามกฎหมายกำหนดจริง แต่ต้องทำงานตั้งแต่เวลา 08.00 น.–20.00 น. เป็นเวลา 12 ชั่วโมง ซึ่งในช่วงนั้นต้องได้ค่าล่วงเวลาในการปฏิบัติงานด้วยเป็นจำนวนเงิน 170 บาทเศษต่อวัน แต่พนักงานทุกคนกลับไม่ได้เงินดังกล่าว นอกจากนั้นทางลูกจ้างถูกหักค่าประกันสังคมทุกเดือน บางคนก็ยังไม่ได้บัตรประกันสังคม จึงไม่สามารถไปรับการรักษาพยาบาลได้ ต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง
ต่อมาทางสวัสดิการคุ้มครองแรงงานจังหวัดปราจีนบุรี จึงได้เชิญผู้ประกอบการไปพบ และให้ดำเนินการตามที่กฎหมายแรงงงานกำหนด พนักงานในโรงงานก็รอว่า ทางผู้ประกอบการจะจ่ายเงินตามที่กฎหมายแรงงานกำหนดไว้ ปรากฏว่าทางโรงงานกลับไม่ดำเนินการตามที่ตกลง และยื่นเงื่อนไขให้กับกลุ่มแรงงานพม่าทั้งหมด ว่าทางโรงงานจะจ่ายให้รายละ 5,000 บาท พร้อมทั้งให้คนงานทั้งหมดสมัครเข้ามาทำงานใหม่ กลุ่มคนงานเห็นว่าทางโรงงานไม่ปฎิบัติตามกฎหมาย และยังถูกโรงงานไล่ออกทั้งหมด จึงได้มารวมตัวกันที่วัดคลองกลาง หมู่ 11 ต.กบินทร์ อ.กบินทร์บุรี ซึ่งใกล้กับโรงงานเป็นที่พักอาศัย เพื่อเรียกร้องสิทธิของตนเองไปยังหน่วยงานภาคราชการ รวมถึงสถานทูตเมียนมา
เมื่อช่วงเย็นเครือข่ายคุ้มครองสวัสดิการแรงงานสถานทูตพม่า ประจำประเทศไทย ได้เดินทางมาที่โรงงานดังกล่าว เพื่อเจรจาเรื่องค่าแรงและสวัสดิการของกระทรวงแรงงานไทยกับนายจ้างของโรงงาน จนได้ข้อตกลง ก่อนจะเดินทางมาที่วัดคลองกลางที่แรงงานพม่าต้องหอบสัมภาระหลังจากถูกไล่ออกจากโรงงานเป็นที่พักพิงชั่วคราว จากการเจรจาเครือข่ายคุ้มครองสวัสดิการแรงงานสถานทูตพม่า กับกลุ่มแรงงานพม่าใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงได้ข้อตกลงที่แรงงานพม่าเสนอ ก่อนจะนำข้อตกลงไปเสนอให้กับนายจ้างของโรงงานต่อไป
กกจ.จับมือบริษัทไลน์คอมพานี(ประเทศไทย)จำกัดและบริษัทจัดหางานสเกาท์เอาท์จำกัดทำMOUด้านการจัดหางาน
กกจ.จับมือบริษัทไลน์คอมพานี(ประเทศไทย)จำกัดและบริษัทจัดหางานสเกาท์เอาท์จำกัดทำMOUด้านการจัดหางาน
วันที่ 21 มิถุนายน 2561 ที่ห้องประชุมเทียน อัชกุล ชั้น 10 กรมการจัดหางาน พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการจัดหางาน ระหว่างนายอนุรักษ์ ทศรัตน์ อธิบดีกรมการจัดหางาน นายอริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด และนายปตินันท์ วชิรมน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทจัดหางาน สเกาท์ เอาท์ จำกัด
การลงนาม MOU ด้านการจัดหางาน ตามกิจกรรม “ประชารัฐรวมใจ เพื่อคนไทยมีงานทำ” ในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่างกรมการจัดหางาน บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทจัดหางาน สเกาท์ เอาท์ จำกัด ซึ่งได้แสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนตามแนวทางประชารัฐ เพื่อส่งเสริมการมีงานทำ โดยเพิ่มช่องทางการเข้าถึงแหล่งงานของประชาชนให้สามารถเข้าถึงตำแหน่งงานได้ง่ายขึ้น สมัครงานได้สะดวกขึ้น อีกทั้งยังไม่เสียค่าบริการและค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด โดยผ่าน APPLICATION LINE JOBS มุ่งหวังให้คนไทยมีงานทำ มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี
สำหรับแนวทางความร่วมมือฯ นั้น กรมการจัดหางานจะทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมความต้องการแรงงาน (Demand) พร้อมทั้งสร้างการรับรู้แก่ประชาชน พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และวางแผนผลิตกำลังคนให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ขณะเดียวกัน บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด จะเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม APPLICATION LINE JOBS ส่วนบริษัทจัดหางาน สเกาท์ เอาท์ จำกัด จะเป็นผู้จัดหาตำแหน่งงาน บริการตำแหน่งงานว่าง พัฒนาระบบจับคู่งาน เพื่อให้บริการจัดหางานบน APPLICATION LINE JOBS ซึ่งในระยะแรกให้บริการเฉพาะกลุ่มธุรกิจบริการ เช่น ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น อีกทั้งยังสนับสนุนข้อมูลเชิงสถิติ เพื่อให้กรมการจัดหางานใช้ใน การวิเคราะห์ความต้องการตลาดแรงงานและแนวโน้มความต้องการตลาดแรงงานของประเทศ
นอกจากนี้ กรมการจัดหางาน บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทจัดหางาน สเกาท์ เอาท์ จำกัด ยังมีการแลกเปลี่ยนป้ายประกาศ หรือ Banner นำไปติดตั้งบนเว็บไซต์ SMARTJOB และ APPLICATION LINE JOBS เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งงานและบริการจัดหางานทั้ง 2 แหล่ง ได้สะดวก รวดเร็ว ทันที ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2561 มีผู้ติดตาม LINE JOBS จำนวน 850,000 คน มีตำแหน่งงานว่าง จำนวนกว่า 120,000 อัตรา มีผู้สมัครงาน จำนวน 100,000 คน ได้รับการติดต่อเพื่อสัมภาษณ์งานแล้วมากกว่า 33,000 คน
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)
รับทำบัตรMOUพม่า #รับทำบัตรMOUพม่า บริษัทรับทำ mou พม่า #บริษัทรับทำ mou พม่า นายจ้างทำ mou เอง #นายจ้างทำ mou เอง
รับทำบัตรMOUพม่า บริษัทรับทำ mou พม่า รับทํา mou ลาว ราคา ทําmouพม่า ราคา รับทำ mou ลาว นายจ้างทำ mou เอง รับทำ MOU พัทยา พา สป...














