‘บิ๊กอู๋’ ลงพื้นที่ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน เตรียมรุกบริการแบบ Single Window ออก Work Permit

วันที่ 22 พฤศจิกายน 2561 พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน นางเพชรรัตน์ สินอวย รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่เยี่ยมชมการปฏิบัติงานของศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน ชั้น 18 อาคารจัตุรัสจามจุรี พญาไท กรุงเทพฯ
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน  กล่าวว่า กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ดำเนินโครงการพัฒนาระบบนำร่องการจัดหาและพัฒนาระบบ Single Window ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน ซึ่งถือว่าเป็นการปรับโครงสร้างการให้บริการภาครัฐในลักษณะนำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตั้งอยู่รวมกันและเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว ประหยัด เป็น One Stop Service Center โดยบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนสามารถยื่นคำร้องและพิจารณาคำร้องแบบ Online : Single Entry ผ่านระบบนำร่อง Single Window ซึ่งเป็นช่องทางบริการที่สะดวก รวดเร็วและทันสมัย  เป็นการให้บริการแบบ 
E-Service ลดการมาติดต่อด้วยตนเองของผู้ใช้บริการ ลดการใช้เอกสาร ไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา และสถานที่ในการยื่นคำขอ ลดระยะเวลาการพิจารณาอนุมัติเหลือเพียง 3 ชั่วโมง 7 วันทำการ ผู้ยื่นสามารถติดตามสถานะคำขอได้ด้วยตนเองผ่านทาง e-mail ของผู้ติดต่อ ทั้งยังสามารถเลือกสถานที่ขอรับหนังสือและขอรับบริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ผ่านระบบ Single Window ได้ ทั้งนี้ ใบอนุญาตทำงานที่คนต่างด้าวจะได้รับจะไม่เป็นเล่มเอกสารหรือบัตรแข็งอีกต่อไป แต่จะเป็นรูปแบบ Digital Work Permit บนโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน 
สำหรับขั้นตอนการทำงานคือ เมื่อคนต่างด้าวที่ยื่นคำขออนุญาตทำงานผ่านระบบ Single Window for VISA and Work Permit กรมการจัดหางานและ ตรวจคนเข้าเมือง จะพิจารณาอนุญาตเบื้องต้นในระบบและแจ้งผลการพิจารณาทาง E-mail เมื่อคนต่างด้าวได้รับการอนุญาตเบื้องต้นแล้ว จะเลือกวันนัดด้วยตนเอง เพื่อมาชำระค่าธรรมเนียม แสดงตนเพื่อถ่ายรูปและลงลายมือชื่อดิจิทัล ซึ่งจะได้ Username และ Password คนต่างด้าวเข้าสู่ Application ชื่อ “Thailand Digital Work Permit” ใช้ได้ทั้งระบบ IOS และ Android ซึ่งจะปรากฏ Digital Work Permit บนโทรศัพท์มือถือของคนต่างด้าว
พล.ต.อ.อดุลย์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ใบอนุญาตการทำงานแบบ Digital Work Permit มีข้อดีคือลดเอกสารที่ต้องพกพา ผู้บังคับใช้กฎหมายหรือผู้ตรวจสอบสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ด้วยการใช้โทรศัพท์มือถือ Scan QR code สามารถตรวจสอบข้อมูลความเป็นตัวตนหรืออัตลักษณ์หรือเอกสิทธ์ต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง เพราะมีข้อมูลเชิงลึกให้ตรวจสอบ หากบัตรเป็นรูปแบบเดิมจะตรวจสอบได้เฉพาะข้อมูลที่ปรากฏบนบัตรเท่านั้น มีความปลอดภัยในการเก็บรักษาข้อมูล ปลอมแปลงเอกสารได้ยาก เพราะการแก้ไขข้อมูลที่ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือจะต้องเข้าไปแก้ไขในระบบฐานข้อมูล ทั้งยังมีการพิสูจน์ตัวตนก่อนเข้าสู่ระบบโดยการใช้ User ID และ Password หรือใช้ลายนิ้วมือหรือใบหน้า เป็นต้น ประหยัดเวลาและทรัพยากร เนื่องจากลดขั้นตอนระยะเวลาการให้บริการ ประหยัดงบประมาณที่ต้องใช้ในการจัดพิมพ์ใบอนุญาตแบบเดิม การต่ออายุใบอนุญาตทำงานหรือการแก้ไขข้อมูลสามารถดำเนินการผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งข้อมูลที่แก้ไขจะ Update ในระบบแบบ Real Time และตรวจสอบแก้ไขได้โดยผ่านโทรศัพท์มือถือ ทั้งนี้ จะต่อยอดการออกใบอนุญาตในรูปแบบดังกล่าวไปยังจังหวัดอื่นในเขตพัฒนาเศรษฐกิจ (EEC) และทุกจังหวัดทั่วประเทศต่อไป



ตม.บุกจับต่างด้าว! ทลายโกดังสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ มูลค่ากว่า 12 ล้าบาท

หาต่างด้าวคลิ๊ก

ตม.บุกจับต่างด้าว! ทลายโกดังสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ มูลค่ากว่า 12 ล้าบาท

  • Share:
"บิ๊กโจ๊ก" นำกำลังเข้าตรวจค้นห้างเสือป่าพลาซ่า รวบนายจ้างไทย 1 คน และแรงงานต่างด้าวอีก 22 คน พร้อมยึดของกลางอุปกรณ์มือถือยี่ห้อดังกว่า 6 หมื่นชิ้น รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 12 ล้านบาท
เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 4 พ.ย.61 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม. พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รรท.ผบก.สส.สตม. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สังกัด บช.สตม. บช.ทท. สน.พลับพลาไชย 1 และกรมศุลกากร รวมกว่า 50 นาย นำหมายค้นเข้าปิดล้อมตรวจค้นร้านจำหน่ายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือบริเวณชั้นที่ 1-3 อาคารเสือป่าพลาซ่า ถนนเสือป่า แขวงและเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ สามารถจับกุมนายจ้างคนไทยจำนวน 1 คน และแรงงานต่างด้าว 22 คน พร้อมทั้งตรวจยึดของกลางเป็นอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือต่างๆ จำนวน 60,000 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 12 ล้านบาท
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากทางศูนย์ปราบปรามอาชญากรรม ทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนว่ามีแรงงานต่าวด้าว ลักลอบทำงานจำหน่ายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ อยู่บริเวณอาคารเสือป่าพลาซ่าเป็นจำนวนมาก ในวันนี้(4 พ.ย.) จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบบริเวณชั้นที่ 6 ของอาคารเสือป่าพลาซ่า พบเป็นร้านจำหน่ายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือแบบขายส่งและเป็นล็อกเก็บสินค้า ทั้งนี้มีการวางจำหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอยู่จำนวนมาก ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบ นางเจิ้น อี้หง สัญชาติจีน ขณะที่จำหน่ายสินค้าอยู่ในร้านไม่มีชื่อ ล็อกเลขที่ M11-M13 จากนั้นมี นายเอกวิทย์ หลักเพชร เข้ามาแสดงตัวกับเจ้าหน้าที่ว่าเป็นเจ้าของร้านดังกล่าว จึงทำการตรวจยึดสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมของบุคคลอื่น ที่จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร, สินค้าที่ไม่แสดงฉลากและสินค้าที่ไม่ผ่านพิธีการศุลกากร จากการตรวจสอบทั้งหมดพบสินค้าประเภทอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ อาทิ อะไหล่จอสัมผัสโทรศัพท์มือถือ(ทัชสกรีน) หูฟัง ฝาหลังโทรศัพท์มือถือ เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ยี่ห้อซัมซุงและไอโฟน จำนวนรวมกันกว่า 60,000 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 12 ล้านบาท ซึ่งได้แจ้งข้อหากับนายเอกวิทย์และนางเจิ้น อี้หง จำนวน 6 ข้อหา "นำของต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร, นำของที่ไม่ผ่านพิธีการศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักรหรือของลักลอบหนีศุลกากร, จำหน่ายหรือเสนอจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอม หรือเลียนเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร, ขายสินค้าที่ควบคุมฉลากตามมาตรา 30 พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 โดยไม่มีฉลากหรือมีฉลากแต่ฉลากหรือการแสดงฉลากนั้นไม่ถูกต้อง, เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต, รับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และควบคุมตัวพร้อมของกลางนำส่ง สน.พลับพลาไชย 1 ดำเนินดคีตามกฎหมายต่อไป
"จากการเข้าตรวจค้นทั้งหมดพบว่า มีร้านประกอบการที่กระทำความผิดในเรื่องของแรงงานต่างด้าว รวมจำนวน 18 ร้าน สามารถจับกุมนายจ้างชาวไทย 1 คน แจ้งข้อหา "รับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต" และแรงต่างด้าวจำนวน 22 คน แบ่งเป็นสัญชาติจีน 7 คน กัมพูชา 12 คน เมียนม่า 2 คน และไม่มีสัญชาติอีก 1 คน ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาว่า "เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยผิดกฎหมาย" ตาม พ.ร.ก.การบริหารจัดการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2561 มาตรา 8 ประกอบมาตรา 101 ซึ่งในส่วนเจ้าของร้านอีก 17 ร้าน ทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการสอบสวนขยายผล และออกหมายเรียกเพื่อเข้ามารับทราบข้อกล่าวหา ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการอย่างเข้มข้นต่อเนื่องอยู่ตลอด และฝากไปยังผู้ที่ยังดำเนินการผลิต นำเข้าหรือจำหน่ายสินค้าที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯหรือต่างจังหวัด ที่กระทำการประกาศขายทางออนไลน์ต่างๆ หากยังดำเนินการอยู่ก็จะดำเนินการติดตามจับกุมมาดำเนินคดี และขยายถึงนายทุน ตลอดจนใช้มาตราการยึดทรัพย์ ตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3(13) ซึ่งเป็นการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงิน เพื่อให้ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้าของประเทศไทยหมดไป" รรท.ผบช.สตม. กล่าว   -ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจากhttps://www.thairath.co.th/content/1411265
#หาคนต่างด้าว
#ต่างด้าวหางานทำ
#คนต่างด้าว
#หาต่างด้าว
#บริษัทหาคนต่างด้าว
#บริษัทหาต่างด้าว
#บริษัทนำคนต่างด้าวมาทำงาน
#หาคนงานก่อสร้าง
#หาคนงานก่อสร้างต่างด้าว
#บริษัทนำแรงงานต่างด้าวมาทำงานภายในประเทศ

รับทำบัตรMOUพม่า #รับทำบัตรMOUพม่า บริษัทรับทำ mou พม่า #บริษัทรับทำ mou พม่า นายจ้างทำ mou เอง #นายจ้างทำ mou เอง

  รับทำบัตรMOUพม่า     บริษัทรับทำ  mou พม่า รับทํา  mou  ลาว ราคา ทําmouพม่า ราคา รับทำ  mou  ลาว นายจ้างทำ  mou  เอง รับทำ MOU พัทยา พา สป...